--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ESTILO (เอสติลอ) เป็นนิตยสารสำหรับวัยรุ่น กลุ่มเป้าหมาย 15-18 ปี นิตยสารที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นที่มีความสนใจในเรื่องที่แตกต่างกันออกไป ภายในเล่มจึงเลือกที่จะนำเสนอด้วยเนื้อหาที่หลากหลาย ทั้งการท่องเที่ยว การทำอาหาร การแต่งตัว การแต่งหน้า การดูแลสุขภาพ รวมถึงอัพเดทเทรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลง หนัง หรือเทคโนโลยี และสกู๊ปหลักที่จะนำเสนอมุมมองหรือทัศนคติของวัยรุ่นที่น่าสนใจ นำมาถ่ายทอดสู่ผู้อ่านได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทัศนคติที่หลากหลายมากขึ้น


 



          สำหรับคอนเซ็ปต์ของนิตยสารเล่มแรกที่กลุ่มของนิสิตได้ทำขึ้น คือ Teenage Dream เกี่ยวกับความฝันของวัยรุ่น เพราะนิสิตเชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนต้องมีความฝัน ไม่ว่าจะเป็นความฝันเล็กๆ หรือ ความฝันใหญ่ๆ ยิ่งเป็นวัยรุ่นแล้วนิสิตคิดว่าจะต้องมีความฝันที่หลากหลายอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความกล้าที่จะทำความฝันให้เป็นจริง จึงเป็นที่มาของสกู๊ปหลัก คือ ความกล้าที่จะทำตามความฝัน และได้ น้องบิ๊งโกะ วัยรุ่นหัวใจศิลป์ อายุ 19 ปี ที่กล้าจะเสี่ยงและทำตามความฝันของตัวเองจนประสบความสำเร็จ มาร่วมพูดคุยและให้สัมภาษณ์ในการทำนิตยสารครั้งนี้



สัมภาษณ์น้องบิ๊งโก๊ะ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ในการทำนิตยสารในครั้งนี้ ต้องทำงานร่วมกับเพื่อนๆ อีก 5 คน ต้องมีการช่วยกันคิด มีการประสานงานและแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบในงานของตัวเอง ขั้นตอนการทำนิตยสาร จึงแบ่งออกเป็นขั้นตอน ดังนี้
สมาชิกในกลุ่มประชุมกันเพื่อกำหนดรูปแบบของนิตยสารที่ต้องการทำ โดยลงความเห็นว่าอยากจะทำนิตยสารที่นำเสนอไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ภายในเล่มอยากให้มีเนื้อหาที่หลากหลาย และครอบคลุมไลฟ์สไตล์หลายๆ ด้าน มีกลุ่มเป้าหมายในช่วงอายุ 18 – 25 ปี
ส่วนคอนเซ็ปต์ของฉบับนี้ ในตอนแรกที่กำหนดไว้ คือ อยากนำเสนอเกี่ยวกับความเป็นไทย แต่เกิดปัญหาขึ้น เพราะดูเหมือนว่าคอนเซ็ปต์จะกว้างและยากเกินไปสำหรับการทำนิตยสารเล่มแรกในชีวิตของพวกเรา จึงกลัวว่าจะทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร
สมาชิกในกลุ่มจึงได้มีการประชุมกันอีกครั้ง เพื่อปรับเปลี่ยนหัวข้อและเนื้อหาการนำเสนอ และจากการประชุมครั้งนี้สรุปได้ว่า จะยังคงเป็นนิตยสารประเภทไลฟ์สไตล์เหมือนเดิม นำเสนอเนื้อหาที่หลากหลาย แต่จะเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นช่วงอายุ 15-18 ปี เพราะเป็นวัยที่นิสิตผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว และรู้ว่าช่วงวัยนี้ต้องการอะไรหรือสนใจอะไร ส่วนคอนเซ็ปต์ของเล่มเปลี่ยนเป็น Teenage Dream หรือ ความฝัน เพราะเห็นว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่ล้วนมีความฝัน และคิดว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจสำหรับวัยกลุ่มเป้าหมายของนิตยสาร
เมื่อได้ผลสรุปเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงขั้นตอนของการตั้งชื่อนิตยสาร โดยคิดจากรูปแบบของนิตยสารเป็นหลัก และได้ชื่อนิตยสารว่า ESTILO (อ่านว่า เอสติลอ) เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า สไตล์ ที่ใช้ภาษาอิตาลีก็เพราะว่า กลุ่มเราอยากให้มองสไตล์ในแบบที่มีความหลากหลาย เหมือนกับคำว่า สไตล์ ที่ยังสามารถเรียกได้อย่างหลากหลาย
หลังจากกำหนดรูปแบบ กำหนดคอนเซ็ปต์ และชื่อของนิตยสารเป็นที่เรียบร้อย สมาชิกในกลุ่มทุกคนก็ต้องเริ่มคิดคอลัมน์ที่ตัวเองจะเขียน และนัดกันประชุมอีกครั้งเพื่อจัดทำดัมมี่ จัดกำหนดการจัดวางหน้านิตยสารให้เรียบร้อย จากนั้นก็แยกย้ายกับไปทำคอลัมน์ของตัวเอง โดยมีการกำหนดเวลาส่งคอลัมน์ทุกอาทิตย์ อย่างน้อยคนละ 1 คอลัมน์ โดยอัพลง Google Drive เพื่อให้ บ.ก. ตรวจ และส่งให้ฝ่ายกราฟิกนำไปจัดหน้านิตยสารอีกที

Google Dirve พื้นที่อัพโหลดคอลัมน์ของสมาชิก

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



บทบาทหน้าที่ที่นิสิตได้รับในการทำนิตยสารครั้งนี้ คือ ฝ่ายกราฟิก / นักเขียน


ฝ่ายกราฟิก
นิสิตได้รับหน้าที่หลัก คือ เป็นฝ่ายกราฟิก จัดหน้านิตยสารภายในเล่มทั้งหมด โดยมีขั้นตอนการทำงาน คือ
1.      บ.ก. จะสร้าง Google Drive ไว้สำหรับรวบรวมคอลัมน์ที่ทำเสร็จแล้ว
2.      หลังจากนั้นเพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มที่ทำคอลัมน์ของตนเองเสร็จแล้ว จะอัพโหลดเนื้อหาและรูปภาพประกอบคอลัมน์ไว้ในไดร์ฟ โดยมีกำหนดว่า ภายใน 1 สัปดาห์ ต้องส่งคอลัมน์ที่ตนเองทำอย่างน้อย 1 คอลัมน์ และต้องทยอยทำกราฟิกให้เสร็จสัปดาห์ต่อสัปดาห์
3.      นำเนื้อหาที่สมาชิกอัพลง Google Drive มาจัดเรียงหน้าใน In Design ตามจำนวนหน้าที่กำหนดไว้ในดัมมี่ โดยดูรูปแบบตัวอย่างจากนิตยสารต่างๆ เพื่อนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเนื้อหาของนิตยสาร


4.      ส่งให้ บ.ก. ความถูกต้องเบื้องต้นเมื่อทำแต่ละคอลัมน์เสร็จ
5.      หลังจากทำคอลัมน์เสร็จทั้งหมด จึงนำมาจัดเรียงหน้าใหม่อีกครั้งและปริ้นท์ตัวอย่างออกมาเพื่อนำมาพิสูจน์อักษร ตรวจสอบความถูกต้องเรื่องสำนวน การสะกดคำ ต่างๆ



6.      เมื่อพิสูจน์อักษรเรียบร้อย จึงนำมาแก้ไขอีกเป็นครั้งสุดท้าย
7.      นำส่งโรงพิมพ์เพื่อทำการพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่ม




นักเขียน
นิสิตได้เขียนคอลัมน์ BEAUTY REPORT จำนวน 3 คอลัมน์ คือ
1.  Makeup is magic เป็นคอลัมน์สอนแต่งหน้า โดยมีขั้นตอนการทำงานคือ
อย่างแรกต้องเริ่มคิดว่าการแต่งหน้าสไตล์ไหนที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของนิตยสาร วัย 15-18 ปี และแต่งตามได้ง่ายไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาทมากนัก จึงได้ข้อสรุปว่า จะแต่งหน้าสไตล์ “Sweety Girl” หรือแนวหวานๆ ใสๆ ต่อมาจึงหานางแบบ โดยได้ติดต่อให้ นางสาวสุภิศรา พึ่งธรรม มาเป็นแบบในการแต่งหน้าให้ และนัดวัน เวลาเพื่อทำคอลัมน์
ในการทำคอลัมน์นี้ได้นายศราวุธ รามณี มาถ่ายแบบให้ ในคอลัมน์นี้ต้องถ่ายภาพทั้งในขั้นตอนที่แต่งหน้า และหลังจากแต่งเสร็จแล้ว เพื่อให้เห็นภาพรวม เมื่อถ่ายเสร็จแล้วจึงนำมาจัดหน้า ใส่รูปและเนื้อหาขั้นตอนวิธีทำ




     2. Make up Dupes list เป็นคอลัมน์เปรียบเทียบเครื่องสำอางคู่แฝดที่ราคาถูกกว่ากันเกินครึ่ง
เหตุผลที่ทำคอลัมน์นี้เป็นเพราะกลุ่มเป้าหมายของนิตยสาร เป็นวัยเรียนอยู่ การใช้เครื่องสำอางที่ราคาสูงเกินจำเป็นอาจจะดูไม่เหมาะสมนัก จึงทำคอลัมน์นี้เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับน้องๆ ที่ยังไม่สามารถหารายได้ได้ด้วยตนเอง
เมื่อเลือกหัวข้อที่เห็นว่าเหมาะสมแล้ว เครื่องสำอางที่นิสิตเลือกมา เป็นเครื่องสำอางที่นิสิตเลือกจากประสบการณ์ของตัวเอง และการหาข้อมูลมาประกอบ และเขียนเนื้อหาของคอลัมน์ จากนั้นก็นำไปจัดวางหน้า


     
     3.      QIUZ เรื่อง พยากรณ์เงินในกระเป๋าอีก 10 ปีข้างหน้า จะรุ่งหรือร่วง มีขั้นตอนการทำงานดังนี้
หาข้อมูลจากหนังสือดูดวงหรือทำนายดวงของวัยรุ่น มาเป็นข้อมูลในการเขียน โดยคอลัมน์นี้ได้ข้อมูลจากนิตยสาร I SEE จากนั้นก็เลือกหัวข้อที่น่าสนใจ และได้เรื่อง พยากรณ์เงินในกระเป๋าอีก 10 ปีข้างหน้า เหตุผลที่เลือกเขียนคอลัมน์เรื่องนี้เป็นเพราะต้องการให้เห็นถึงความสำคัญและพฤติกรรมของการใช้เงินของตนเอง โดยเฉพาะวัยรุ่น เพื่อนำมาปรับใช้หรือปรับปรุงพฤติกรรมของตนเองไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
จากนั้นเมื่อได้ข้อมูลเป็นที่เรียบร้อย ก็นำมาจัดวางหน้าในนิตยสาร จัดเรียงหน้าให้ได้พอดีตามที่กำหนดจำนวนหน้าไว้ในดัมมี่




--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ด้านความรู้
ในการทำนิตยสารครั้งนี้ นิสิตได้รับความรู้มากมาย จะเรียกว่าเป็นการบูรณาการความรู้จากหลายๆ ด้านก็ได้ จากที่เคยเรียนเป็นทฤษฎีก็ได้นำมาปฏิบัติจริง เพื่อสร้างผลงานขึ้นด้วยตนเอง การทำงานครั้งนี้ทำให้นิสิตได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้ และสิ่งที่เคยรู้อยู่แล้วก็ทำให้เข้าใจมากขึ้นเมื่อได้ลองนำมาปฏิบัติด้วยตนเอง สามารถสรุปออกมาได้ ดังนี้
1.      รู้จักประเภทของนิตยสารมากขึ้นที่เป็นทั้งของกลุ่มตนเองและกลุ่มเพื่อน เพราะแต่ละกลุ่มก็ทำนิตยสารที่เนื้อหาแตกต่างกันออกไป มีทั้งไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ท่องเที่ยว พักผ่อน ทำให้นิสิตได้เรียนรู้ขอบเขตของเนื้อหาของนิตยสารแต่ละประเภท
2.      รู้จักส่วนประกอบและรายละเอียดของการทำนิตยสารมากขึ้น เพราะนิตยสารจะมีรายละเอียดที่แตกต่างจากการทำหนังสือ เช่น มีบทบรรณาธิการ มีการพูดถึงเนื้อหาบนหน้าปก มีหน้าโฆษณา มีสกู๊ปหลัก สกู๊ปรอง ซึ่งจะได้เรียนรู้วิธีการเขียนที่แตกต่างกันออกไป
3.      รู้จักการจัดเรียงคอลัมน์ให้เหมาะสม เนื่องจากนิตยสารมีการแบ่งคอลัมน์อย่างชัดเจน เนื้อหาไม่ได้มีความต่อเนื่องกันแบบหนังสือ ในการจัดเรียงคอลัมน์จึงต้องมีจังหวะจะโคนในการจัดเรียงคอลัมน์ให้มีความกลมกลืนกัน เนื้อหาไม่โดดกันจนเกินไป
4.      ฝึกการวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอนในการทำนิตยสาร ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำจริงๆ หลังจากที่ได้ไปดูงานมาแล้ว ว่าควรทำอะไรก่อน-หลัง และนำมาปรับใช้ในการทำนิตยสารของกลุ่ม
5.      ฝึกการเขียนให้ดีขึ้น รู้จักการค้นคว้าหาข้อมูลที่นำมาประกอบ เรียนรู้การเลือกใช้ภาษาที่เหมาะสมกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมาย เพราะในการทำนิตยสารเราไม่สามารถสื่อสารด้วยการพูดได้ จึงต้องเรียนรู้ว่าการเขียนดีที่ควรเป็นอย่างไรที่จะสามารถสื่อสารเนื้อหาที่เราต้องการสื่อออกไปได้อย่างชัดเจนและผู้อ่านเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร
6.      ฝึกการอ่าน นอกจากจะต้องฝึกเขียนแล้ว ยังจะต้องฝึกอ่านด้วย เพราะต้องตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหา การสะกดคำ และการปรับเปลี่ยนคำหรือสำนวนให้เหมาะสม ในขั้นตอนนี้จะฝึกให้นิสิตมีความละเอียด รอบคอบขึ้นด้วย
7.      ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งนิสิตเองมีหน้าที่ด้านกราฟิก จึงต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกแบบหน้านิตยสาร ว่าออกแบบอย่างไรถึงจะสวยงาม น่าสนใจ และอ่านได้ง่าย อาจดูแบบจากนิตยสารต่างๆ และนำมาปรับใช้ในนิตยสารของตนเอง อะไรที่ดูว่าดีก็นำมาปรับใช้ อะไรที่ดูว่าไม่ดีก็หลีกเลี่ยง นอกจากจะคำนึงถึงความสวยงามยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบในการจัดวางหน้าในดูสมดุลและเหมาะสมอีกด้วย
8.      ฝึกฝนการใช้โปรแกรม In Design ให้คล่องขึ้น เพราะนิสิตต้องใช้งานโปรแกรมนี้ตลอดการทำงาน ทำให้นิสิตมีความคุ้นเคย และสามารถใช้โปรแกรมได้อย่างคล่องแคล่วขึ้นกว่าเดิม ฝึกการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง

ด้านการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
          เนื่องจากการทำงานครั้งนี้ สมาชิกกลุ่มได้มาจากการจับฉลาก ซึ่งเพื่อนบางคนนิสิตก็ไม่เคยทำงานด้วยก็ได้มาทำงานร่วมกัน ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนกลุ่มใหม่ และในการทำงานเป็นทีมต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกๆ คนในกลุ่ม จึงจะทำให้งานประสบความสำเร็จ
สิ่งที่นิสิตได้รับจากการทำงานเป็นทีม คือ ได้ฝึกความรับผิดชอบในส่วนงานที่ตนเองได้รับ ทุกคนต้องทำงานที่ตนเองได้รับให้ดี จึงจะทำให้งานสามารถดำเนินต่อไปได้ตามกำหนดเวลา ยิ่งเวลาที่เพื่อนส่งเนื้อหาคอลัมน์มาให้ฝ่ายกราฟิก นิสิตก็ต้องรีบทยอยทำ เพื่อไม่ให้งานต้องมาค้างอยู่ที่นิสิตแต่เพียงผู้เดียว นอกจากนั้นยังฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักการรับฟังเสียงส่วนใหญ่ บางสิ่งที่เราคิดว่าดีแล้ว แต่เพื่อนไม่เห็นด้วย ก็ต้องปรับตามสมาชิกส่วนใหญ่ รู้จักการช่วยเหลือซึ่งกันและกันภายในกลุ่มเพราะแต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน เพื่อจะให้ได้งานออกมาดีที่สุด รู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเราและประนีประนอมในการทำงาน
สิ่งสำคัญคืองานชิ้นนี้ทำให้นิสิตรู้จักเพื่อนมากขึ้น รู้ว่านิสัยของเพื่อนแต่ละคนเป็นอย่างไร รู้ว่าใครคือคนที่จะอยู่ข้างๆ เราเวลาที่เรามีปัญหาหรือต้องการคำปรึกษา รู้ว่าใครใส่ใจงานนี้มากน้อยเพียงใด ฝึกความอดทนและฝึกมองโลกในมุมของความเป็นจริง นิสิตคิดว่านิสิตโชคดีที่สมาชิกในกลุ่มที่ทำงานร่วมกันเป็นคนมีความรับผิดชอบในงานของตัวเอง และส่งคอลัมน์ตามเวลาที่ บ.ก. กำหนดไว้ได้ ทำให้นิตยสารเล่มนี้เสร็จทันกำหนดทุกๆ อย่าง และเป็นงานที่ไม่รีบร้อน นิสิตอยากขอบคุณ บ.ก. ที่เต็มที่กับงานชิ้นนี้และเป็นผู้นำที่ดี ขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ครั้งหนึ่งเราเคยได้ทำงานร่วมกัน



ESTILO สำหรับนิสิตแล้วเป็นมากกว่านิตยสารเล่มนึง แต่เป็นประสบการณ์ที่นิสิตได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ที่คิดว่ามันยาก แต่สุดท้ายก็สามารถผ่านมันมาได้ นิสิตได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการทำนิตยสาร และคิดว่าผลที่ได้ออกมาก็คุ้มค่ากับความทุ่มเท ตั้งใจที่นิสิตได้ทำ 


นางสาวอุดมวดี  วรรณกูล
นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะศึกษาศาสตร์ เอกเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

หลังจากที่ทำอยู่นาน และแล้วมันก็สำเร็จค่าา..

เลือกใช้กระดาษอาร์ตมัน 
หน้าปก 200 แกรม ด้านใน 170 แกรม
งบในการทำครั้งนี้ 240 บาท

ไปชมกันเลยดีกว่า...


รูปเล่มนิทานขนาด 8*9 นิ้ว
หน้าปกรองด้านในค่ะ

เนื้อหาด้านในค่ะ

หน้าปกหล้งค่ะ


เมื่อเวลาที่นิสิตเห็นนิทานเสร็จออกมาเป็นรูปเล่มอย่างที่นิสิตอยากให้เป็นแล้ว นอกเหนือจากคะแนนดีๆ ที่นิสิตอยากได้ ก็คือความภูมิใจ ที่สามารถทำออกมาได้ อาจจะไม่ใช่ผลงานที่ดีที่สุด แต่ก็คือความพยายามและความตั้งใจ และออกมาที่กว่าที่คาดหวังไว้มาก ขอบคุณอ.ตูน ที่ทำให้นิสิตได้ลองทำอะไรใหม่ๆ นะคะ :)


ครั้งที่แล้วได้นำเสนอพัฒนาการของนิทาน ตอนที่ 1
ตอนที่ 2 นี้จะมานำเสนอขั้นตอนของการวาดรูปและระบายสีนิทานกันค่ะ




ตอนแรกก็แสกนรูปที่วาดลงคอมก่อน แต่เนื่องจากทำเป็นหน้าคู่ เลยต้องแสกนที่ละหน้าค่ะ





จากนั้นก็นำภาพมาต่อกันใน Photoshop ค่ะ ได้ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ


นำภาพที่ได้ไปดราฟเป็นเวกเตอร์ ให้ได้เส้นที่คอมชัด แล้วเอามาลงสีค่ะ




ลงสีเนื้อเรื่องทั้งหมดค่ะ










พอได้ภาพทั้งหมด ก็นำไปวางใน Indesign จัดเป็นหน้าคู่แบบเย็บกลาง 





สู้ตายค่ะอาจารย์!!




เนื้อเรื่อง

ฉาก 1 เดินเข้าโรงเรียน
วันนี้เปิดเทอมวันแรก              ท้องฟ้าแจ่มแจ้งสดใส
ต้นกล้าสุดแสนดีใจ                 ได้มาโรงเรียนสักที
คุณครูยืนคอยต้อนรับ              ยิ้มกลับอย่างมีไมตรี
ต้นกล้านั้นแสนสุขี                  โชคดีที่ฉันได้มา
-----------------------
ฉาก 2 นักเรียนเข้าแถวหน้าเสาธง
ได้เวลาแปดโมงตรง               เชิญธงสู่ยอดเสาใหญ่
นักเรียนทุกคนร่วมใจ              ร้องเพลงชาติไทยเสียงดัง
-----------------------
ฉาก 3 ต้นกล้าทำหน้างอ
ต้นกล้าไม่ค่อยเข้าใจ               ทำไมต้องมาเข้าแถว
ไม่อยากส่งเสียงเจื้อแจ้ว           ไม่แคล้วทำหน้าหงิกงอ
------------------------
ฉาก 4 คุยกับคุณแม่ในห้องนั่งเล่น
กลับบ้านบอกกับคุณแม่            ต้นกล้ามีเรื่องอยากขอ
เอ่ยปากอย่างไม่รีรอ                ไม่ขอเข้าแถวได้ไหม
ไม่อยากต้องร้องเพลงชาติ         ไม่อยากตากแดดเหงื่อไหล
ไม่รู้ตื่นเช้าเพื่ออะไร                ทำไมต้องเคารพธง
------------------------
ฉาก คุณแม่อธิบาย
คุณแม่ได้ฟังเรื่องราว               จึงเข้ามาใกล้ต้นกล้า
รีบอธิบายในไม่ช้า                  ต้นกล้าจงฟังให้ดี
ธงไทยเรียกธงไตรงค์              ประกอบด้วยกันสามสี
แดงขาวน้ำเงินดูดีๆ                เหล่านี้ล้วนมีที่มา
------------------------
ฉาก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
สีแดงนั้นใช้แทนชาติ               นักรบเก่งกาจสร้างมา
เสียเลือดเสียเนื้อนานา             ให้ได้มาเป็นชาติไทย
สีขาวคือความบริสุทธิ์              ประดุจดังเช่นศาสนา
ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวประชา        ทุกศาสนาล้วนสำคัญ
น้ำเงินแทนองค์กษัตริย์            ผู้เป็นเสาหลักของบ้าน
พระราชกรณียกิจนานับประการ  สรรคสร้างไทยให้ร่มเย็น
------------------------
ฉาก 6 ต้นกล้า กับคุณแม่
ทั้งสามสถาบันหลัก                รวมรักเราให้เป็นหนึ่ง
หัวใจชาวไทยตราตรึง             ยึดเป็นที่พึ่งของใจ
เหตุที่ต้องเคารพธง                เพื่อคงชาติอันยิ่งใหญ่
เพื่อแสดงความรักชาติไทย       ขึ้นชื่อชาวไทยควรทำ
------------------------
ฉาก 7 ต้นกล้าร้องเพลงชาติ
ต้นกล้าเข้าใจแน่ชัด                 ธงโบกสะบัดเมื่อไหร่
ยืนตรงด้วยความเต็มใจ            ร้องเพลงชาติไทยให้เสียงดัง